4 สีสัน 4 Seasons ของพริกหวาน
ผักที่มักจะเป็นสีสันให้อาหารของเราเสมอก็คือ พริกหวาน ที่มีทั้งสีเขียว เหลือง ส้มและแดง มาดูว่า 4 สีนี้บอกอะไรบ้าง
สีเขียว:
เนื่องจากพริกหวานจะมีสีเขียวก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อสุกเต็มที่ พริกหวานสีเขียวจึงเป็นกลุ่มที่เก็บเกี่ยวก่อน คุณค่าและสารอาหารจึงน้อยกว่าสีอื่นๆ และหวานน้อยกว่า
สีเหลือง:
พริกหวานสีเหลือง ถูกเก็บเกี่ยวเมื่อเริ่มสุก แต่ก็ยังไม่สุกเต็มที่ รสหวานจึงยังไม่มาก แต่เป็นกลุ่มที่มีราคาแพง
สีส้ม:
เป็นกลุ่มที่เก็บเกี่ยวก่อนจะสุกเต็มที่ จึงมีสารอาหารและความหวานเพิ่มขึ้น
สีแดง:
เป็นกลุ่มที่เก็บเกี่ยวหลังสุด อยู่ในเถานานที่สุด มีรสหวานเต็มที่ และมีอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น เบต้า-แคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ เนื่องจากเป็นช่วงที่สุกเต็มที่จึงเก็บไว้ได้ไม่นาน ราคาจึงแพงเช่นกัน
พริกหวานสดทุกสี มีวิตามินซีสูง ช่วยให้การเป็นไข้หวัดไม่รุนแรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดี ช่วยสังเคราะห์และเผาผลาญโปรตีนวิตามินบี 6 นอกจากนี้ยังมี วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน บำรุงสายตาป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
กินพริกหวานทุกสีจะดีที่สุด เพราะสีที่ต่างกันมีวิตามินและเกลือแร่ที่ต่างกัน ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย โดยพริกหวานเขียวมีคลอโรฟิลล์มากกว่าพริกหวานสีอื่น และควรกินพริกหวานแบบสดสลับกับการนำมาปรุงอาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบทำให้ร่างกายได้รับทั้งวิตามินที่ละลายในน้ำและละลายในน้ำมัน
ความเผ็ดของพริกมาจากสารแคปไซซิน (Capsaisin) หรือ แคปซาคูติน (Capsacutin) ซึ่งอยู่ที่รกบริเวณที่มีเมล็ดเกาะอยู่ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ปริมาณของสารแคปไซซินจะแตกต่างกันไปตามชนิดและสายพันธุ์ของพริก เนื่องจากสารแคปไซซินละลายในน้ำได้เพียงเล็กน้อย แต่ละลายได้ดีในไขมัน น้ำมัน และแอลกอฮอล์ ดังนั้น ถ้าจะลดความเผ็ดของอาหาร ก็ให้กินอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ จะช่วยลดความเผ็ดได้มากกว่าดื่มน้ำเปล่า
สารแคปไซซินช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย
เมื่อร่างกายได้รับสารแคปไซซิน ร่างกายจะสร้างสารเอ็นดอร์ฟินส์ (Endorphins) ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด
นอกจากนี้ พริกหวานยังช่วยลดความดันโลหิตด้วย เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวและช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
กินผักผลไม้ดี 400 กรัม